รีโมตเซนซิงช่วงคลื่นแสง
รีโมตเซนซิงช่วงคลื่นแสง
(Optical remote sensing) เป็นการบันทึกข้อมูลในช่วงคลื่นแสง ได้แก่
ช่วงคลื่นแสงตามองเห็น (visible), อินฟราเรดใกล้ (near infrared)
และอินฟราเรดคลื่นสั้น (shortwave infrared)
จากการสะท้อนพลังงานแสงอาทิตย์เมื่อตกกระทบวัตถุบนพื้นผิวโลก |
การสะท้อนพลังงานของน้ำการสะท้อนพลังงานของน้ำใสสูงที่สุดที่ปลายช่วงคลื่นสีน้ำเงินประมาณ 0.57 ไมครอน และลดลงตามความยาวคลื่นที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นภาพของพื้นที่น้ำใสจะปรากฏเป็นสีน้ำเงินเข้มถึงดำ การสะท้อนแสงของน้ำนอกจากจะขึ้นอยู่กับธรรมชาติของน้ำเองแล้วยังขึ้นอยู่กับสิ่งต่าง ๆ ที่ปนในน้ำด้วย กรณีที่แหล่งน้ำมีสิ่งเจือปนหรือสารแขวนลอยต่าง ๆ เช่น ตะกอน สารเคมี จะมีผลให้รูปร่างของลายเซ็นเชิงคลื่นเปลี่ยนไป น้ำขุ่นหรือน้ำที่มีตะกอนดินจะมีการกระจายของแสงโดยสารแขวนลอย จะมีการสะท้อนพลังงานปลายช่วงคลื่นสีแดง ดังนั้น น้ำขุ่นจึงปรากฏเป็นสีน้ำตาล พื้นแหล่งน้ำมีอิทธิพลต่อการสะท้อนแสงในช่วงคลื่นต่าง ๆ เช่น ที่ความยาวคลื่นประมาณ 0.5-0.6 ไมครอน จะสามารถเห็นพื้นน้ำที่ลึกได้ 18 เมตร ที่ความยาวคลื่นประมาณ 0.6-0.7 ไมครอนจะเห็นพื้นน้ำที่ลึก 3 เมตร ที่ความยาวคลื่นประมาณ 0.7-0.8 ไมครอน จะเห็นได้ลึก 1 เมตร สำหรับการสำรวจหาตำแหน่งและขอบเขตของแหล่งน้ำ จะใช้ภาพในช่วงคลื่นอินฟราเรดใกล้ เพราะน้ำจะดูดกลืนคลื่นแสงในช่วง 0.8 ไมครอนเป็นต้นไป จะเห็นแหล่งน้ำปรากฏเป็นสีดำ |
การสะท้อนพลังงานของดินนอกจากนี้ การสะท้อนพลังงานของดินยังขึ้นกับองค์ประกอบของดิน ได้แก่ ความชื้นในดิน ปริมาณอินทรีย์วัตถุและ ปริมาณเหล็กออกไซด์ในดิน เนื้อดิน และความขรุขระของพื้นผิว ดังตัวอย่างลายเซ้นเชิงคลื่นของดินเหนียวและดินทราย (ภาพล่าง) เนื้อดินและการเรียงตัวของเนื้อดินมีความสัมพันธ์ต่อความขรุขระและความราบเรียบของผิวหน้าดิน ดินเหนียวมีการเรียงตัวอัดแน่น ทำให้ผิวดินราบเรียบกว่าทรายที่ค่อนข้างขรุขระ ผิวที่ราบเรียบจะทำให้มีการสะท้อนแสงได้มากกว่า สำหรับอิทธิพลของการดูดกลืนคลื่นแสงของน้ำที่ Water Absorption Bands ทั้งสาม (ความยาวคลื่น 1.4, 1.9 และ 2.7 ไมครอน) ยังคงมีอิทธิพลในดินเหนียวมากกว่าทราย เนื่องจากทรายจะปล่อยน้ำซึมได้สะดวก ดังนั้นถ้าทรายมีปริมาณความชื้นต่ำลงมาก (ร้อยละ 0-4) จะไม่มีอิทธิพลของ Water Absorption Bands นอกจากอิทธิพลของน้ำในช่วง Water Absorption Bands แล้ว ดินที่มีส่วนผสมของดินเหนียว เช่น ดิน silt loam ยังมีการสะท้อนแสงลดลงเนื่องจากการดูดกลืนของสารประกอบ hydroxyl ด้วย สำหรับ Hydroxyl Absorption Bands จะอยู่ในช่วงคลื่น 1.4 และ 2.2 ไมครอน โดยในช่วงคลื่น 1.4 ไมครอนจะเป็นช่วงคลื่นเดียวกันกับ Water Absorption Bands |
การสะท้อนพลังงานของพืขในช่วงอินฟราเรดใกล้ (0.7 - 1.3 ไมครอน) พืชจะมีการสะท้อนแสงสูงที่ความยาวคลื่นประมาณ 0.75 - 1.3 ไมครอน โดยพลังงานจะถูกสะท้อนประมาณร้อยละ 45 - 50 ของพลังงานที่ตกกระทบ และจะถูกส่งผ่านประมาณร้อยละ 45 - 50 ส่วนพลังงานที่ดูดกลืนจะมีเพียงร้อยละ 5 หรือต่ำกว่าเท่านั้น องค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อลักษณะการสะท้อนแสง ในช่วงคลื่นนี้คือ โครงสร้างของใบพืชที่แตกต่างกันไปตามชนิดของพืช และจำนวนใบหรือความหนาแน่นของใบ บริเวณใดที่พืชมีใบเรียงตัวเพียงชั้นเดียวจะสะท้อนแสงได้น้อยกว่าบริเวณที่มีใบพืชหนาแน่น สำหรับช่วงคลื่นที่พืชมีการสะท้อนแสงมากได้แก่ ที่ความยาวคลื่น 1.6 และ 2.2 ไมครอน องค์ประกอบสำคัญของการสะท้อนและการดูดกลืนในช่วงคลื่นนี้คือ ความชื้นในพืช โดยเฉพาะความชื้นของใบ ถ้าความชื้นลดลงการสะท้อนแสงจะเพิ่มขึ้น ปริมาณความชื้นที่มีผลทำให้ลักษณะการสะท้อนแสงแตกต่างกันไปมากเมื่อปริมาณความชื้นลดลงเหลือเพียงร้อยละ 5.4 หรือต่ำกว่าเท่านั้น ที่ความชื้นต่ำพืชจะมีสภาพอ่อนแอ ใบที่แห้งจะมีการสะท้อนแสงมากและการผลิตคลอโรฟิลล์จะต่ำด้วย คลอโรฟิลล์จะมีอิทธิพลต่อการดูดซับและสะท้อนในช่วงที่ตามองเห็น ทำให้ลักษณะกราฟในช่วงที่ตามองเห็นต่างออกไปด้วย |
วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
รีโมตเซนซิงช่วงคลื่นแสง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น